ช่วงนี้เรายังอยู่กันในช่วงที่สายฝนโปรยปราย และก็ดูเหมือนว่าจะมีฝนตกทุกวันไม่เว้นช่วงเลย ซึ่งจริง ๆ แล้วช่วงฝนตกหากเลี่ยงที่จะขับรถได้ก็คงดี เพราะจะทำให้ไม่ต้องเสี่ยงกับอุบัติเหตุ แม้รถเราจะทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้แล้ว แต่ถึงอย่างไรการไม่เกิดอุบัติเหตุใด ๆ เลยก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่าเสมอ หากว่าเรามีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางระหว่างที่ฝนตกจริง ๆ ควรจะมีการเตรียมรถอย่างไรให้พร้อมที่ขับจะฝ่าฝนได้อย่างปลอดภัย มาดูกันเลย
1.เตรียมความพร้อมในส่วนของยางรถยนต์
ฝนตกถนนมักจะลื่น ยางรถยนต์เป็นส่วนที่สัมผัสถนน ถ้ายางรถยนต์ไม่ดีก็อาจทำให้รถลื่นไถลจนเกิดเป็นอุบัติเหตุได้ ฉะนั้น ถ้าจำเป็นต้องขับรถออกจากบ้านขณะฝนตก จึงควรเช็กเรื่องของยางเป็นอันดับแรก ซึ่งมีส่วนที่จะต้องดู 2 เรื่อง คือ
- เช็กสภาพของยาง ถ้ายางเริ่มเก่า จนทำให้เราเริ่มเห็นสภาพความเสื่อม หน้ายางสึกไปมากแล้ว ก็จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ พยายามขับขี่โดยใช้ความเร็วต่ำเข้าไว้
- ตรวจเช็กปริมาตรลมยาง ถ้าลมยางอ่อนไป ก็เติมให้พอดีกับขนาดของรถและให้สอดคล้องกับขนาดยาง หากใช้ยางที่ติดมากับตัวรถอยู่ แล้วเรายังไม่เคยเปลี่ยน ก็ให้ศึกษาจากคู่มือรถยนต์ดูว่ารถของเราควรเติมลมยางอยู่ที่ปริมาตรไหน และในรถส่วนใหญ่มักมีระบุไว้เป็นสติกเกอร์ข้างประตู จุดนี้ถือว่าสำคัญเพราะจะส่งผลให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น ทำให้เราขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
2.ตรวจเช็กระบบเบรก
ในส่วนของเบรกเราจะต้องดูในส่วนของผ้าเบรกว่าสภาพเป็นอย่างไร สึกเกินไปแล้วหรือยัง ซึ่งวิธีการสังเกตก็คือ ให้ลองเหยียบเบรกดู ถ้าเหยียบแล้วรู้สึกเบรกทำงานไม่ค่อยดี มีความผิดปกติ มีอาการดึง ๆ ฝืน ๆ ที่ล้อหน้าด้านใดด้านหนึ่งและพวงมาลัยสั่นนิดหน่อย สิ่งเหล่านี้จะช่วยบอกเราว่าผ้าเบรกเริ่มมีปัญหาแล้ว ถ้าผ้าเบรกมีปัญหา ก็แนะนำว่าให้ขับช้า ๆ อย่างระมัดระวัง และนำรถไปเข้าศูนย์ตรวจเช็กทันทีก่อนที่จะขับขี่เดินทางไปไหนต่อไป
3.เช็กความพร้อมของระบบไฟส่องสว่าง
ระบบไฟส่องสว่างก็ถือว่ามีบทบาทอย่างมากในช่วงที่เราต้องขับฝ่าสายฝน เพราะบางทีขับ ๆ อยู่ฝนก็ตกหนักขึ้นมา จนทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง เราจำเป็นที่จะต้องเปิดไฟส่องสว่างช่วยนำทาง รวมไปถึงยังต้องอาศัยสัญญาณไฟเป็นเครื่องช่วยบอกตำแหน่งและสถานะในการขับขี่ของเราด้วย
ฉะนั้น ก่อนที่จะขับฝ่าฝน ก็ควรจะเช็กดูก่อนว่าไฟรถติดทุกดวงหรือเปล่า ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรก เช็กให้พร้อม หากจุดไหนชำรุดหรือมีปัญหาก็ให้รีบขับไปศูนย์เพื่อทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนใหม่ก่อน จะได้มั่นใจในการเดินทาง
4.เช็กเรื่องประกันภัยรถยนต์
อีกสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ก่อนจะขับขี่ฝ่าสายฝน ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าการขับฝ่าฝนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าการขับขี่ในสภาวะปกติ ดังนั้น ถ้ารถเรามีประกันภัยรถยนต์อยู่ ก็ควรเช็กให้มั่นใจว่าประกันยังไม่หมด และเราทำการต่ออายุเรียบร้อย ถ้าประกันไม่ขาด เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ยังมีประกันช่วยแบ่งเบาภาระค่าเสียหายต่าง ๆ ได้
เหล่านี้คือสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนที่คุณจะพารถคู่ใจไปตะลุยถนนขณะที่สายฝนโปรยปราย เช็กความพร้อมเหล่านี้ให้ดี การขับฝ่าฝนก็จะได้ปลอดภัย และอย่าลืมด้วยใครที่ยังไม่ได้ทำประกันรถภาคสมัครใจไว้ แนะนำเลยว่าให้ทำไว้ มีประโยชน์และดีต่อการใช้รถใช้ถนนของคุณแน่นอน ถ้าต้องการข้อมูลเรื่องประกันภัยรถยนต์เอาไว้ช่วยตัดสินใจ เว็บ EasyCompare สามารถให้รายละเอียดเรื่องนี้คุณได้ หาข้อมูลไว้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจทีหลังก็ยังไม่สาย